อี้จิงดอกเหมย เป็นวิชาการวิเคราะห์และทำนายด้วยอี้จิงซึ่งเกิดขึ้นในสมัยราชวงค์ซ้อง โดยท่านเส้าหยง ชื่อรองเรียกว่าเส้าคังเจี๋ย
ท่านเส้าคังเจี๋ยเป็นราชบัญฑิตในราชวงค์ซ้อง หลังจากรับราชการมานานเส้าคังเจี๋ยได้ลาออกจากราชการเพราะความเบื่อหน่าย และต้องการที่จะทุ่มเทเวลาให้กับการศึกษาอี้จิง ซึ่งเป็นศาสตร์ที่เขาสนใจ เส้าคังเจี๋ยทุ่มเทเวลาทั้งวันคืนศึกษาอี้จิง ท่านจะจดบันทึกสิ่งที่ท่านศึกษาใส่กระดาษแปะไว้ที่ข้างฝา และเฝ้าอ่านและศึกษาข้อความต่างๆมากมายที่บันทึกและแปะไว้นั้นจนลืมสิ้นทุก สิ่งทุกอย่าง น่าเสียดาย…แม้หลายครั้งเหมือนท่านจะเข้าใจในความลับบางอย่าง แต่เหมือนเพียงภาพเลือนให้เห็นได้แล้วหายไปแม้ผ่านเวลานานวันท่านก็ยังไม่ อาจเข้าถึงความลับที่ท่านต้องการ
ท่านเส้าหยง (เส้าคังเจี๋ย)
วันหนึ่งท่านเส้าเหนื่อยอ่อนจากการศึกษาอี้จิง จึงล้มตัวลงงีบหลับ จากนั้นท่านถูกปลุกขึ้นด้วยเสียงบางอย่าง และพบว่ามีหนูตัวหนึ่งมาแทะกระดาษที่ท่านแปะไว้ที่ผนัง ด้วยความโมโหท่านจึงหยิบหมอนที่ท่านนอนอยู่นั้นขว้างใส่หนูทันที หนูตัวนั้นหลบหนีไปได้ราวกับเพียงมาเย้ยหยันในความล้มเหลวของท่าน ส่วนหมอนที่ท่านขว้างไปนั้นก็แตกกระจายทันที(หมอนจีนสมัยโบราณจะทำจาก เครื่องเคลือบ ซึ่งจะเย็นสบายเวลานอนในฤดูร้อน)
ท่านเส้าเข้าไปเก็บกวาดเศษหมอนที่แตก แล้วก็พบเศษกระดาษสอดไว้ภายใน มีข้อความเขียนไว้ว่า “ในปีจอ วันที่ 25 เดือน 11 ยามซื่อ(9.00-11.00) หมอนใบนี้จะแตกสลายเพราะหนู” ท่านเส้าแหงนหน้าครุ่นคิดแล้วต้องตกใจแทบลมจับ เพราะวันเดือนปีและเวลาที่เขียนไว้คือวันนี้ที่หมอนถูกทำลาย นี่หมายความว่าตัวเลขจากวันเวลาสามารถอธิบายและทำนายถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้น งั้นหรือ? หมายความว่าทุกสิ่งที่เกิดมีวัฏจักร ตั้งแต่หมอนใบนี้กำเนิดขึ้นก็มีเหตุ(ตัวเลข)ที่สามารถรู้ได้ถึงวันที่แตก สลายของมันแล้ว?
ท่านเส้ารีบเดินทางไปยังร้านขายหมอน สอบถามถึงที่มาของหมอนใบนั้น เจ้าของร้านจึงแนะนำท่านไปยังบ้านของช่างทำหมอน เมื่อเดินทางไปถึงบ้านของช่างทำหมอนจึงได้พบกับชายหนุ่มช่างทำหมอนผู้หนึ่ง และได้บอกแก่ท่านเส้าว่า หมอนใบนั้นคือบิดาของเขาทำขึ้นมา แต่ท่านเสียชีวิตไปแล้ว
เส้าคังเจี๋ยผิดหวังยิ่ง ขณะกำลังจะกลับนั้น อยู่ๆชายช่างทำหมอนก็จำเรื่องบางอย่างได้ และได้เรียกท่านเส้าไว้พร้อมกับกล่าวว่า “บิดาข้าได้กล่าวไว้ก่อนตายว่า วันหนึ่งจะมีบัณฑิตผู้หนึ่งเดินทางมาถามเรื่องหมอนที่บิดาข้าทำ จงมอบบันทึกของเขาแก่บัณฑิตผู้นั้น และข้าเพิ่งนึกขึ้นได้ว่านี่คือวันเวลาที่บิดาข้าเคยบอกไว้ ขอท่านรับบันทึกนี้ไปเถิด” พร้อมกับมอบบันทึกเล่มหนึ่งให้ท่านเส้า
ท่านเส้าดีใจยิ่งรีบกลับบ้านและศึกษาบันทึกนั้น หลังจากนั้น 1 เดือน ท่านเส้าศึกษาจนแตกฉาน จึงได้เดินทางไปพบชายช่างทำหมอนอีกครั้ง พร้อมบอกว่าให้เขาขุดดินใต้เตียงลงไปลึก 3 เชี๊ยะ จะพบทองคำซึ่งเป็นสมบัติที่บิดาท่านทิ้งไว้ให้ และเมื่อชายหนุ่มช่างทำหมอนไปขุดใต้เตียงก็ได้พบทองก้อนอยู่ในนั้นจริงๆ
วิธีที่ท่านเส้าศึกษาจากบันทึกนั้น ได้ถูกเรียบเรียงและปรับปรุงให้สมบูรณ์โดยท่านเส้า ผู้ถูกเลือกว่าเหมาะสมจากชายชราช่างทำหมอนผู้คิดค้นขึ้น และวิชานี้ได้ถูกเรียกว่า “เหมยฮวาซินอี้” หรือ “เหมยฮวาอี้ซู่” หรืออี้จิงเดอกเหมยนั่นเอง