อาจารย์เส้าเว่ยฮวา อาจารย์ใหญ่อี้จิง ตอนที่ 2
- 18/10/2016
- Posted by: Liang
- Category: บุคคลสำคัญ

ชีวิตของอาจารย์เส้าเป็นเรื่องที่น่าทึ่ง ถ้าคุณได้เคยศึกษาเกี่ยวกับอี้จิงคุณจะรู้ว่ามันเป็นวิชาที่ซับซ้อนค่อนข้างมาก คุณจะเห็นด้วยว่าท่านคืออัจฉริยะเมื่อคุณได้เรียนรู้ว่าท่านอาจารย์เส้าเว่ยฮวาได้บรรลุถึงความสามารถขั้นสูงสุดของอี้จิง
อาจารย์เส้าเว่ยฮวา เกิดในปี1936 ที่ซีอาน ภาคกลางของจีน ท่านทำงานในกองทัพและทำงานในโรงงานเคมีภัณฑ์ แม้ท่านจบเพียงแค่โรงเรียนมัธยมแต่ท่านก็ตั้งใจกระตือรือร้นอย่างมากกับการเรียนเสมอ การเรียนของท่านในประเทศคอมมิวนิสต์อย่างจีนทำให้ท่านได้รับอิทธิพลจากแนวคิดของคอมมิวนิสต์ และทำให้ท่านต้องการได้ใช้ความรู้เพื่อช่วยเหลือประเทศชาติ
ท่านอาจารย์เส้าเป็นคนที่เมื่อไรก็ตามที่ท่านสนใจในวิชาเรียนใดๆ ท่านจะทุ่มเทอุทิศความสนใจและแรงกายในเรื่องนั้นเป็นอย่างมาก มีอยู่ครั้งหนึ่งตอนนั้นท่านอาจารย์เส้าท่านได้ให้ความสนใจกับหมากรุก ท่านได้ใช้เวลาทั้งหมดในการค้นคว้าหาเทคนิคและกลยุทธ์ในการเดินแบบไม่ซ้ำกัน มีอีกช่วงเวลานึงที่ท่านได้ให้ความสนใจในการตกปลา ท่านก็ซื้อหนังสือการตกปลามาทุกเล่มเท่าที่ท่านสามารถหาได้ ท่านได้เดินทางไปที่ต่างๆเพื่อหาประสบการณ์ให้มากที่สุดเท่าที่จะหาได้จนกว่าท่านจะแตกฉานในวิชานั้นๆที่ท่านต้องการ
มีเหตุการณ์อยู่ครั้งหนึ่ง อาจารย์เส้าเว่ยฮวาท่านมีเวลาว่างเลยได้ตัดสินใจไปเที่ยวที่วัดที่นั่นท่าน ก็พบกับนักพยากรณ์ที่สามารถทำนายได้จากการอ่านลายมือ(เรียกง่ายๆก็ หมอดูลายมือเหมือนบ้านเรา) และใบหน้า(น่าจะเป็นโหงวเฮ้ง) แม้ว่าท่านไม่ได้สนใจมากนักแต่ท่านอาจารย์เส้าคิดว่าน่าจะไปลองเพื่อเล่นสนุกซักนิด อย่างไรก็ตามแต่ท่านเส้าค่อนข้างประหลาดใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นเพราะหมอดู สามารถบอกสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีตได้อย่างแม่นยำซึ่งทำให้ท่านเส้าทึ่งกับสิ่งที่ได้รับรู้ ดังนั้นท่านเลยลองเดินไปหาหมอดูท่านอื่นและผลที่ได้ก็เหมือนกันคือ มีความถูกต้องและแม่นยำในสิ่งที่พวกเขาได้บอกออกมา
ท่านอาจารย์เส้าในเวลานั้นรู้สึกแปลก เพราะการศึกษาระบอบคอมมิวนิสต์นั้นบอกท่านเสมอว่าการทำนายทายทักเป็นเรื่อง ที่งมงายเชื่อถือไม่ได้ของวัฒนธรรมจีนสมัยก่อน(ก่อนปฎิวัติวัฒนธรรม) ซึ่งจีนสมัยใหม่(ช่วงปฎิวัติวัฒนธรรม)ต้องการขจัดสิ่งพวกนี้ให้หมดไป แล้วผู้คนเหล่านี้สามารถรู้เรื่องตัวเขาในอดีตเพียงแค่การดูหน้าตาและฝ่ามือเท่านั้นหรือ? คำถามนี้คอยวนเวียนและสร้างความตื่นเต้นอยู่ในใจของท่าน อาจารย์เส้าเหว่ยฮวารักในการค้นคว้าปัญหา ดังนั้นท่านจึงตัดสินใจที่จะค้นหาให้พบให้ได้ว่ามันเป็นไปได้อย่างไร
หลายวันหลังจากนั้นขณะที่อาจารย์เส้าเว่ยฮวาอยู่ที่ร้านอาหารนอกเมืองซีอาน ท่านได้บังเอิญได้ยินชายสองคนที่กำลังพูดถึงเรื่อง “โจวอี้” (ตำราอี้จิงที่ถือกำเนิดจากราชวงศ์โจว) และบทสทนานั้นค่อนข้างทำให้ท่านสนใจ
ในเวลานั้นมีข่าวเกี่ยวกับแผ่นดินไหว มีการพยากรณ์ว่าจะเกิดแผ่นดินไหวในสัปดาห์หน้า ดังนั้นอาจารย์เส้าเลยตัดสินใจถามชายชราคนที่สองที่ดูจะรู้มากกว่าอีกคน
“ขอเรียนถามท่านผุ้อาวุโส ไม่ทราบว่าจะเกิดแผ่นดินไหวที่ซีอานมั้ยครับ”
ชายชราคนนั้นหลับตาลงและนับนิ้วเหมือนกำลังคำนวณอะไรบางอย่าง จากนั้นชายชราคนนั้นเลยตอบว่า
“ไม่เกิดหรอก มันจะเกิดที่ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ”
“จะรุนแรงแค่ไหนครับ?” อาจารย์เส้าถามต่อ
ชายชราคนนั้นหลับตาลงอีกครั้งและนับนิ้วเหมือนกำลังคำนวณอีกครั้ง จากนั้นก็พูดว่า
“ความแรงมันน่าจะอยู่ที่ 5.6 ริกเตอร์”
อาจารย์เส้ากล่าวขอบคุณชายชราคนนั้นและนั่งลง ท่านเคยเห็นคนนับนิ้วคำนวณแบบนั้นมาก่อน แต่เห็นเฉพาะในหนังจีนสมัยก่อนเมื่อนักพรตเต๋ากำลังทำนายอนาคต บัดนี้ท่านได้เห็นแล้วว่ามันเกิดขึ้นจริงซึ่งอยู่ต่อหน้าท่านนี่เอง
หลายวันถัดมา อาจารย์เส้าเว่ยฮวาอ่านหนังสือพิมพ์และฟังวิทยุเกี่ยวกับข่าวแผ่นดินไหว ท่านต้องประหลาดใจเมื่อข่าวได้รายงานว่า เกิดแผ่นดินไหวที่เมืองซินเจียงซึ่งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือและความรุนแรงของแผ่นดินไหวนั้นคือ 5.6 ริกเตอร์!!! อาจารย์เส้าเว่ยฮวารู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก คืนนั้นท่านไม่ได้นอนเลยท่านคิดแล้วคิดอีกด้วยความรู้สึกที่ตื่นเต้นมาก “ผู้อาวุโสท่านนั้นรู้ได้อย่างไรว่ามันเป็นจริง และถ้าเราสามารถเรียนรู้ทักษะนี้ล่ะ เราก็สามารถช่วยผู้คนทั้งหลายได้ เมื่อเกิดภัยพิบัติเราก็จะทำนายเหตุการณ์เพื่อบอกให้หาที่ปลอดภัยและห่างไกล จนกว่าอันตรายจะหายไป นี่สิจะได้พิสูจน์ได้ว่าวัฒนธรรมโบราณก็มีประโยชน์เช่นกัน”
วันถัดมา ท่านเส้าได้กลับไปที่ร้านอาหารร้านเดิมเพื่อที่จะขอให้ชายชราคนนั้นสอน เกี่ยวกับการทำนายและอี้จิง โชคร้ายชายชราผู้นั้นไม่ได้อยู่ที่นั่นดังนั้นท่านเส้าเลยต้องมาวันถัดไปแต่ชายชรา คนนั้นก็ไม่ได้มา หลังจากนั้นท่านเส้าได้คิดว่าท่านคงไม่สามารถหาชายชราท่านนั้นเจอได้ ไม่มีใครรู้จักชายชราผู้นั้นเลยหหรือแม้กระทั่งที่อยู่ก็ตาม
แม้ว่าท่านเส้าจะรู้สึกผิดหวัง แต่ท่านก็ตัดสินใจแล้วว่าจะเรียนรู้เกี่ยวกับขุมทรัพย์ที่เรียกว่าอี้จิงด้วยตัวท่านเอง อย่างแรกที่ท่านเส้าทำคือไปทุกร้านหนังสือและซื้อหนังสือทุกเล่มที่เกี่ยวกับอี้จิงเท่าที่ท่านจะหาได้ อย่างไรเสียหนังสืออี้จิงนั้นไม่ได้มีมากและแต่ละเล่มที่ท่านหาได้นั้นยากที่จะอ่านได้ เพราะทั้งหมดนั้นต่างเขียนด้วยภาษาจีนโบราณ แต่เพราะท่านเป็นคนที่ช่างเรียนรู้ ท่านจึงไปค้นหาหนังสืออ้างอิงและดิกชันนารีอีกหลายเล่ม ในช่วงเดียวกันนั้นท่านเส้าก็อ่านตำราเกี่ยวกับ ยาจีน ชี่กง และงานเขียนเก่าๆ เพื่อที่จะเข้าใจเกี่ยวกับหยินหยาง หลักห้าธาตุและอัฏฐลักษณ์ ท่านเส้าได้ไปที่วัดอีกหลายที่เพื่อสอบถามนักพยากรณ์เพื่อให้สอนท่าน ท่านได้เชิญพวกเขามาบ้านท่าน เลี้ยงดูปูเสี่อเป็นอย่างดีทั้งยังให้เงินแก่พวกเขา อย่างไรก็ตามพวกเขาทั้งหมดนั้นก็ไม่ได้มีความรู้เรื่องอี้จิง พวกเขาบอกว่ารู้เพียงเล็กน้อย ซึ่งท่านเส้าได้เรียนรู้มากกว่าจากการค้นคว้าด้วยตนเองดังนั้นท่านจึงตัดสินใจที่จะเรียนด้วยตนเอง
ท่านเส้าศึกษาและเรียนรู้อย่างหนัก ทุกครั้งท่านจะต้องจดรายละเอียดเขียนเป็นจำนวนมาก เมื่อท่านได้เข้าไปร้านเพื่อซื้อสมุดจดท่านไม่ได้ซื้อเพียงเล่มเดียวแต่ท่านซื้อถึงยี่สิบเล่ม! ไม่ว่าท่านจะไปไหนท่านจะพกสมุดจดและปากกาไปด้วย ท่านพยายามศึกษาให้มากเท่าที่ท่านทำได้ แม้แต่ช่วงเวลาพักในขณะทำงานท่านก็ยังศึกษาอี้จิง มีอยู่ครั้งหนึ่งหลังจากที่เสร็จงานแล้วท่านยังอยู่ในโรงงานเพื่อที่จะอ่านหนึ่งในหนังสือที่ท่านมี ท่านหมกมุ่นอยู่กับมันจนไม่ได้รู้เลยว่าทุกคนได้ออกจากโรงงานแล้ว เพียงแต่ท่านรู้แค่ว่ามันช่างเงียบและท่านก็ไม่ได้รู้เลยว่าบานประตูใหญ่เองก็ถูกล็อค ดังนั้นท่านเลยต้องค้างที่โรงงานตลอดคืน หรือแม้แต่ช่วงวันปีใหม่ครอบครัวของท่านต่างพากันฉลอง ท่านเส้ายังคงอยู่ในห้องของท่านและศึกษาอยู่
เมื่อหัวหน้าทีมของท่านเส้าพบว่าท่านกำลังศึกษาเกี่ยวกับอี้จิง ท่านจึงถูกตำหนิติเตียนจากทีมงานทั้งกลุ่มหาว่าท่านงมงาย แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ท่านเส้ายอมแพ้ ผู้คนหลายคนต้องผ่านความยากลำบากมาก่อนถึงจะประสบความสำเร็จได้ อย่างนักเขียนอักษรหวางซีจือทุกๆครั้งที่ท่านหวางจะฝึกท่านจะล้างกล่องหมึกในสระน้ำของบ้านท่าน ท่านฝึกเขียนอักษรอย่างหนักมากจนกระทั่งสระน้ำในบ้านท่านเปลี่ยนเป็นสีดำจากน้ำหมึก และเมื่อจักรพรรดิโจวฮั่นหยูกำลังข้ามแม่น้ำกับกองทัพของท่าน ท่านสั่งให้จมเรือของกองกำลังตนเองเพื่อบังคับให้ต้องสู้โดยที่ไม่มีทางถอยหนีเพื่อชนะให้ได้ในท้ายสุดท้ายท่านก็ชนะ ใครก็ตามที่ต้องการประสบความสำเร็จจะต้องพยายามอย่างหนักพวกเขาจึงจะประสบความสำเร็จได้
ปีแล้วปีเล่าที่ท่านเส้าเว่ยฮวาใช้เวลาในการศึกษา ท่านเส้าค่อยๆเห็นหนทางอันแสงสว่างอย่างช้าๆหลังจากที่ท่านพยายามศึกษาด้วยความยากลำบากและหนัก ผลรางวัลที่ท่านได้รับคือท่านแตกฉานในทักษะความเข้าใจและการพยากรณ์อี้จิงขั้นสูง ในปี1986 อาจารย์เส้าเว่ยฮวาใช้เวลาสามเดือนในการสร้างแผนภาพปากว้ารูปแบบใหม่กับความสัมพันธ์ของญาติทั้งหกและเส้นทั้งหก
![]() |
แผนภูมิอัฏฐลักษณ์ของ อ.เส้าเหว่ยฮวา |
วันหนึ่งเมื่อนักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นมาพบเห็นแผนภาพของท่านซึ่งพวกเขาไม่เคยเห็นหรือรู้จักมาก่อนพวกเขาจึงถ่ายวิดีโอเก็บไว้(ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่สนใจในศาสตร์วัฒนธรรมของ จีนเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะศิลปะการต่อสู้ ชี่กง และ อี้จิง) จากนั้นฟิลม์ที่ถ่ายถูกถ่ายทอดขึ้นบนรายการโทรทัศน์ของญี่ปุ่น ซึ่งผู้ชมชาวญี่ปุ่นต่างสนใจและต้องการคำอธิบาย ดังนั้นทางรัฐบาลจีนจึงเชิญท่านเส้าเว่ยฮวาไปอธิบายเกี่ยวกับแผนภาพของท่านบนรายการโทรทัศน์ของญี่ปุ่น ตั้งแต่นั้นมานักเรียนอี้จิงชาวญี่ปุ่นต่างรู้จักชื่อของท่านเส้าเว่ยฮวาและท่านก็เป็นที่โด่งดังมากในญี่ปุ่น
ในปีถัดไป1987ท่านเส้าเว่ยฮวาถูกเชิญให้ไปบรรยายในการเข้าร่วมประชุมสัมนาที่สถาบันค้นคว้าวิจัยโจวอี้นานาชาติที่เมืองชานตง ท่านเส้าได้อธิบายแผนภาพปากว้าของท่านซึ่งก็สร้างความสนใจและเป็นที่นับถืออย่างมาก นักเรียนอี้จิงทุกคนต่างรู้จักท่านถึงความรู้ของอี้จิงที่ท่านมีอย่างลึกล้ำ นักเรียนอี้จิงทั่วทั้งจีนเริ่มได้ยินชื่ออาจารย์เส้าเว่ยฮวา และอี้จิงได้กลายเป็นที่นิยมและได้รับการตระหนักว่าเป็นทั้งการพยากรณ์และปรัชญาจีนขั้นสูงในที่สุด
(มีต่อตอนสาม)
บทความโดย ไมเคิล เซอ (Michael Tse)
Credit : Qi magazine Vol.12-14