อาจารย์เส้าเว่ยฮวา อาจารย์ใหญ่อี้จิง ตอนที่ 1
- 18/10/2016
- Posted by: Liang
- Category: บุคคลสำคัญ

เรื่องราวตำนานความสามารถต่างๆของอาจารย์มวยที่มีชื่อในบู๊ลิ้มนั้น ถูกกล่าวขานกันสืบต่อๆกันมาเป็นแรงบันดาลใจแก่ศิษย์รุ่นหลังๆ แต่ตำนานเรื่องราวไม่จำเป็นต้องเป็นอาจารย์มวยเท่านั้น
ในครั้งนี้ผมขอแนะนำเรื่องราวของอาจารย์ใหญ่อี้จิงระดับโลกท่านหนึ่งผู้ซึ่งเชี่ยวชาญการพยากรณ์หรือทำนายด้วยอี้จิงไม่ว่าจะเป็น “อี้จิงดอกเหมย” หรือ “วิชาทำนายหกเส้น” รวมทั้งศาสตร์การพยากรณ์อื่นๆ ซึ่งผมอ่านเรื่องราวชีวิตท่านแล้วก็ต้องยอมรับว่ารู้สึกเลื่อมใสและเห็นว่าเหมาะที่จะเป็นแบบอย่างแก่ผู้คนถึงแม้ว่าจะไม่ใช่ผู้ศึกษาอี้จิงก็ตาม ซึ่งเรื่องราวค่อนข้างยาวจึงขอแบ่งลงเป็นตอนๆ ซึ่งเนื้อหาจะเข้มข้นเรื่อยๆครับ (เครดิตการแปลเป็นผลงานลูกศิษย์ผมนะครับ)
ฤดูร้อนวันหนึ่ง ในปี 1984 ผู้คนหลากหลายพากันมาสักการะบูชาที่วัดแปดเซียน(โป๊ยเซียน) ในเมืองซีอาน ประเทศจีน ชาวจีนหลายคนเชื่อกันว่าเซียนทั้งแปดนี้มีความศักดิ์สิทธิ์ สามารถดลบันดาลให้ได้สิ่งอย่างที่ต้องการหรือช่วยแก้ปัญหาต่างๆได้
วัฒนธรรมของเต๋าและพุทธนั้นกลายเป็นศาสนาหลักของประเทศจีน ชาวจีนทุกคนรวมถึงองค์จักรพรรดิ์ต่างศึกษาและบูชาทั้งเต๋าและพุทธ ดังนั้นในแต่ละท้องถิ่นพื้นภาคของจีนจึงมีวัดหลายแห่งที่ถูกสร้างขึ้นมีความ งดงามอย่างมาก ชาวจีนมากมายพากันไปสักการะบูชาและเมื่อใดก็ตามที่มีปัญหาต่างๆพวกเขาก็จะ ถามคำถามโดยการเสี่ยงทายเขย่ากระบอกที่บรรจุเต็มไปด้วยไม้แท่งเล็กๆ ซึ่งในแต่ละไม้นั้นจะมีหมายเลขกำกับไว้อยู่ พวกเขาจะเขย่าจนกว่าจะได้ไม้หล่นมาหนึ่งแท่ง แล้วนำตัวเลขที่ได้นั้นไปเทียบกับ หมายเลขของกระดาษที่จะบอกคำตอบซึ่งคำตอบที่ออกมานั่นจะไม่บอกโดยตรง แต่จะบอกเป็นในลักษณะของบทกลอนที่เป็นเรื่องราว ซึ่งผู้เสี่ยงทายสามารถหาคำตอบได้จากบทกลอนนั้นๆ แต่อย่างไรก็ตามมีผู้คนมากมายที่ไม่เข้าใจความหมายของบทกลอนนั้นๆ พวกเขาต้องการให้ใครซักคนมาตีความให้ฟัง ซึ่งก็จะมีบุคคลกลุ่มนึงที่รู้วิธีสร้างรายได้โดยอาศัยความสามารถในการตีความหมายของบทกลอนซึ่งพวกเขาจะมีความสามารถในการพยากรณ์ด้วย พวกเขาเหล่านี้จะนั่งอยู่บริเวณรอบวัดมีโต๊ะวางกระดาษกับปากกาคอยอธิบายความหมายต่างๆของบทกลอน ซึ่งหลายคนก็มีความสามารถจริงๆสามารถอธิบายบทกลอนนั้นๆได้แต่ก็มีบางพวกที่ต้มตุ๋นคอยหลอกลวงเอาเงินจากผู้ไม่รู้อิโหน่อิเหน่
สำหรับวันนี้ดูจะผิดแปลกไปกว่าปกติ ผู้คนหลั่งไหลพากันมาที่วัดแปดเซียนแห่งนี้ และท่ามกลางผู้คนที่หนาแน่นมีคู่สามีภรรยาคู่หนึ่งกำลังโต้เถียงกันอยู่เหตุเพราะพวกเขาไม่เข้าใจความหมายของบทกลอน ฝ่ายภรรยากำลังดูหงุดหงิดเป็นพิเศษและตะคอกใส่สามีของเธอ สามีของเธอเองก็ไม่รู้จะทำประการใดได้แต่ยืนด้วยสีหน้าตึงเครียด ดังนั้นเขาเลยตัดสินใจหาใครซักคนที่จะสามารถอธิบายความหมายแก่พวกเขาได้ เขามองออกไปรอบๆห้องยังกลุ่มคนที่นั่งอยู่กับโต๊ะ และได้พบเห็นสุภาพบุรุษท่านหนึ่งที่กำลังมองดูนักพยากรณ์อยู่เช่นกัน ชายนั้นดูราวอายุประมาณ 40 ปี สวมเสื้อเชิ๊ตสีขาว รูปร่างเล็กและผอม เขามองเห็นสุภาพบุรุษคนนั้นผงกศรีษะให้นักพยากรณ์(ตีความเซียมซี)บางคนและทำหน้านิ่วคิ้วขมวดกับบางคนราวกับเขารู้ว่านักพยากรณ์ผู้นั้นเก่งจริงหรือผู้นั้นหลอกลวงตบตา ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจเดินเข้าไปทักกับสุภาพบุรุษท่านนั้นว่า
“ท่านอาจารย์(ชือฝู่หรืออาจารย์ ใช้เรียกผู้เชี่ยวชาญในสาขาวิชาต่างๆได้ด้วย)ครับ พวกเราไม่เข้าใจในความหมายของใบเสี่ยงทายใบนี้น่ะครับ ท่านอาจารย์ช่วยบอกเราได้หรือไม่ครับ” สุภาพบุรุษท่านนั้นบอกว่า “มันบอกอย่างแจ่มแจ้งแล้วว่า ทุกอย่างจะราบรื่นดี” ทำให้ทั้งสามีและภรรยาต่างประหลาดใจ
ฝ่ายสามีเลยถามว่า “ท่านอาจารย์ ผมยังไม่ได้บอกท่านเลยว่าเราต้องการถามอะไร แล้วท่านรู้ได้ไงว่าทุกอย่างจะราบรื่น”
“คุณไม่จำเป็นต้องบอกผมหรอก เพราะใบเสี่ยงทายใบนี้ได้บอกคำถามของคุณแก่ผมแล้ว” สุภาพบุรษท่านนั้นตอบกลับ
ฝ่ายสองสามีภรรยาต่างมองหน้ากันในดวงตาของทั้งคู่เต็มด้วยความสงสัย สุภาพบุรุษท่านนั้นเลยกล่าวกับฝ่ายสามีว่า “คุณไม่เชื่อผมใช่มั้ย ได้ งั้นบอกว่าวันเดือนปีเกิดของคุณมา” ฝ่ายสามีเลยบอกวันเกิดเขาไป สุภาพบุรุษท่านนั้นดูอยู่ครู่หนึ่งเหมือนคล้ายกำลังคิดคำนวณอะไรบางอย่างจากนั้นเลยตอบไปว่า “คุณแต่งงานในปี 1978 ผมพูดถูกใช่มั้ย”
ฝ่ายสามีอุทานด้วยความประหลาดใจ “ใช่ครับ” แต่ข้างภรรยากลับไม่ยอมรับนับถือและบอกว่า “ในปี 1978 มันมีตั้ง 365 วัน มันเป็นวันไหนและเดือนไหนล่ะ” รอบๆข้างมีเสียงพูดคุยจากฝูงชนที่แออัดมุงดูอยู่รอบๆว่ามันเกิดความวุ่นวายอะไรขึ้น พวกเขาสงสัยว่าสุภาพบุรุษท่านนั้นจะตอบสามารถตอบคำถามได้หรือไม่ แต่ก็ดูเหมือนว่าไม่ได้สร้างความยุ่งยากกับสุภาพบุรุษท่านนั้นเลย เขาดูเหมือนกำลังนับคำนวณบนนิ้วของเขาอยู่ จากนั้นสุภาพบุรุษท่านนั้นตอบว่า “มันน่าจะเป็นวันที่ สามเดือนแรกของปฎิทินจันทรคติ”
ฝ่ายคู่สามีภรรยาต่างตกตะลึงและผู้คนรอบข้างก็กำลังรอคำตอบจากพวกเขาอยู่ว่าสุภาพบุรุษท่านนี้จะทำนายถูกหรือไม่
ฝ่ายสามีบอกว่า “อาจารย์ ท่านเป็นเซียนแน่ๆ ท่านรู้ได้อย่างไรล่ะครับ” สุภาพบุรุษท่านนั้นมองมาที่เขาและยิ้มพร้อมกับบอกว่า “ไม่ต้องห่วง ทุกอย่างจะราบรื่นดี” จากนั้นเขาก็เดินจากไป
แต่อย่างไรก็ตาม รอบๆข้างของวัดเริ่มมีการถกเถียงกันเกิดขึ้น หลายคนรวมตัวกันรอบๆมองไปเห็น ชายหนุ่มที่ผมหยักศกและใบหน้าแดงก่ำกำลังโต้เถียงกับนักพยากรณ์อาวุโสอายุราวๆหกสิบ
นักพยากรณ์อาวุโสถามชายหนุ่มว่าเขาต้องการรู้อะไร “ผมกำลังบอกคุณอยู่” ชายหนุ่มคนนั้นพูดขึ้น “คุณเป็นนักอี้จิง คุณใช้อี้จิงในการทำนายสิ่งต่างๆ ดังนั้นผมไม่จำเป็นต้องบอกสิ่งที่ผมต้องการ คุณควรจะรู้แล้ว” นักพยากรณ์คนนั้นดูจะหงุดหงิด และดูเหมือนว่าชายหนุ่มคนนั้นกำลังสร้างปัญหา
ดังนั้นเมื่อเขาเห็นสุภาพบุรุษสวมเสื้อเชิ๊ตสีขาว เขาจึงเรียกชายคนนั้น “ท่านอาจารย์! อาจารย์มาช่วยพวกเราทางนี้ได้มั้ย ชายหนุ่มคนนี้ต้องการให้ผมทำนายให้เขาแต่เขากลับไม่ยอมบอกสิ่งที่เขาต้องการรู้ ถ้าเขาไม่บอกผม ผมจะทราบได้อย่างไรครับ”
“คุณคาดเดาในการทำนายสิ่งต่างๆได้ ดังนั้น คุณควรจะทราบถึงสิ่งที่ผมต้องการ” ชายหนุ่มบอกอีกครั้ง
สุภาพบุรุษ ท่านนั้นตอบกลับว่า “พ่อหนุ่ม มันมีสิ่งต่างๆมากมายหลายสิ่งที่สามารถเกิดขึ้นได้ในโลกใบนี้ มันเป็นเรื่องที่ยากมากๆที่จะบอกได้ว่าเธอต้องการรู้อะไร ดังนั้นมันถูกสำหรับเขาแล้วที่ถามเธอว่าเธอต้องการรู้อะไร”
“เห็นมั้ย” นักพยากรณ์คนนั้นร้องขึ้น
ชายหนุ่มคนนั้นหันไปหาเขาแล้วขึ้นเสียงแล้วบอก “คนที่ใช้อี้จิงควรจะรู้ว่าอะไรคือสิ่งที่คนต้องการถาม”
“ผมไม่คิดว่าคุณต้องการรู้อะไร” ชายชราผู้นั้นตอบกลับ”ผมรู้เพียงแค่ว่าคุณกำลังสร้างปัญหา และนี่ไม่ใช่สิ่งที่เราตกลงกันไว้”
ชายหนุ่มจับไหล่เขาแล้วบอกว่า “ผมต้องรู้วันนี้!” ผู้คนรอบข้างนั้นมองเห็นชายหนุ่มที่ดูเอาจริงเอาจังและบางสิ่งที่ไม่พึงประสงค์อาจเกิดขึ้นได้ แต่แล้วสุภาพบุรุษชุดขาวนั้นก็กล่าวกับนักพยากรณ์ชราว่า “ท่านอาจารย์(คำเรียกยกย่องอีกฝ่าย) ท่านควรอ่านให้มากและเรียนรู้ตำราในส่วนของ “รู้ได้อย่างไร?”(เหอจือจาง) ที่บรรพบุรุษเราได้ทิ้งไว้ให้ ถ้าท่านรู้หลักวิชานี้ท่านก็สามารถบอกได้ว่าใครต้องการอะไร ต่อให้ท่านไม่สามารถบอกได้อย่างแม่นยำ ท่านก็ยังสามารถบอกได้ใกล้เคียง”
ชายชราผู้นั้นไม่ตอบอะไร แต่ชายหนุ่มผู้นั้นร้องว่า “เห็นมั้ย นั่นล่ะ การทำนายอี้จิง ผมไม่จำเป็นต้องบอกคุณ คุณควรจะรู้” ดังนั้นเขาจึงหันไปหาสุภาพบุรุษเสื้อขาวและพูดว่า “ท่านอาจารย์ ท่านช่วยทำนายให้ผมได้มั้ยครับ”
แต่สุภาพบุรุษท่านนั้นตอบกลับว่า “ฉันทำไม่ได้หรอก เพราะว่าฉันไม่ใช่นักพยากรณ์ที่นี่ ฉันแค่เข้ามาดู”
อย่างไรก็ตาม ชายหนุ่มรู้สึกสิ้นหวัง จับแขนของสุภาพบุรุษท่านนั้นและบอกว่า “ได้โปรดอาจารย์ ท่านต้องพยากรณ์ให้ผม ให้ผมได้เห็นความสามารถที่แท้จริง” มีเสียงพึมพัมคอยสนับสนุนอยู่จากฝูงชนที่เบียดกันรอบนอก
“ฉันไม่อยากจะทำหรอกนะ แต่เอาเถอะ ฉันจะลองดู” จากนั้นเขาก็หยุดนิ่ง ไม่นานนักเขากล่าวว่า “สิ่งที่เธอต้องการจะถามคือ เกี่ยวกับบ้านของเธอ บ้านของเธอจะถูกยึดโดยใครบางคนใช่มั้ย”
ชายหนุ่มคนนั้นตอบ “ท่านสมเป็นนักพยากรณ์ที่แท้จริง ท่านรู้ทุกอย่างแม้กระทั่งไม่ได้บอกอะไรก็ตาม ใช่ครับอาจารย์ ท่านพูดถูก แต่ท่านอาจารย์ ผมอยากรู้ว่าผมจะได้บ้านคืนมั้ย”
สุภาพบุรุษท่านนั้นนับนิ้วก่อนปิดนิ้วแล้วบอกไปว่า “ในสิ้นปี ทุกอย่างจะราบรื่นดี” เสียงพึมพัมก็ดังจากผู้ชมรอบข้างแต่คราวนี้เต็มไปด้วยความเคารพและเกรงขาม จากนั้นมีคนถามว่า “ไม่ทราบว่าสุภาพบุรุษท่านนี้คือใคร”
นักพยากรณ์ชราตอบไปว่า “เขาคือ เส้าเว่ยฮวา”
ดังนั้นทุกคนต้องการถามเขาเกี่ยวกับเรื่องของตนเอง แต่อาจารย์เส้าเว่ยฮวาได้จากไปในท่ามกลางฝูงชน
ในวันนี้ อาจารย์เส้าเว่ยฮวา คือ อี้จิงมาสเตอร์อันดับหนึ่งของโลก การพยากรณ์ของท่านแม่นยำจนแม้ผู้นำของจีนและนายพลทั้งหลายต่างก็ไปหาท่าน โดยจากวันเดือนปีเกิดท่านสามารถบอกคุณได้ทุกเรื่องเกี่ยวกับคุณไม่ว่า ชีวิต, สุขภาพ, การแต่งงาน, ครอบครัวและแม้กระทั่งความตาย
ในปีก่อนผมได้ไปเยี่ยมท่านและได้ค้นพบด้วยตัวเองว่าท่านอาจารย์เส้าเว่ยฮวาเป็นสุภาพบุรุษและอาจารย์อี้จิงระดับสูงที่แท้จริง
(มีต่อตอนสอง)
บทความโดย ไมเคิล เซอ (Michael Tse)
Credit : Qi magazine Vol.12-14