ตัวอย่างการทำนายด้วยยามเวลา ตอน “ทำนายในสวนดอกเหมย”
- 18/10/2016
- Posted by: Liang
- Category: อี้จิงดอกเหมย
จาก ตอนที่แล้ว นะครับ เราได้ยกตัวอย่างการตั้งกว้าหรือที่เรียกแบบไทยๆว่าการตั้งฉักลักษณ์ไป
มาตอนนี้เราจะมาดู ตัวอย่างการทำนายสักเล็กน้อย เพื่อเป็นแนวทางในการศึกษาการทำนายด้วยวิชานี้ต่อไปครับ
ตัวอย่างที่จะยกมานี้ เป็นตัวอย่างที่เรียกว่าเป็นที่มาของชื่อวิชานี้กันเลยทีเดียว เนื่องจากเป็นเหตุการณ์ที่เกิดกับท่านเส้าคังเจี๋ยปรมาจารย์ของวิชานี้ และเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในสวนดอกเหมย ในตำราท่านเส้าคังเจี๋ยบันทึกเหตุการณ์นี้ไว้ว่า “การทำนายจากดอกเหมย”
ในเวลา บ่าย 3 โมงเศษ ของปีมะโรง(เฉิน) เดือน 12 วันที่ 17 ตามจันทรคติของจีน ยามวอก(เซิน) ท่านเส้าคังเจี๋ย ได้เดินชมสวนดอกเหมยอยู่ ขณะนั้นได้เกิดมีนกกระจอกสองตัวจิกกัน จนเป็นเหตุให้กิ่งเหมยร่วงตกลงมาตรงหน้าท่านเส้าคังเจี๋ย ยามนั้นท่านเส้าคังเจี๋ยกล่าวขึ้นว่า “หากไม่มีเหตุไม่ทาย แต่เมื่อมีเหตุกิ่งเหมยร่วงลงตรงหน้า จักต้องทำนายดูสักครา” ท่านจึงได้ทำการทำนายโดยอาศัยยามเวลาเกิดเหตุนี้เป็นเครื่องทำนาย ได้ผลทำนายว่า
“พรุ่งนี้ยามเย็น จะมีหญิงสาวเข้ามาขโมยเด็ดดอกเหมย แต่ถูกเจ้าหน้าที่พบเห็นจึงวิ่งไล่จับกุม ทำให้หญิงสาววิ่งหนีจนหกล้มได้รับบาดเจ็บที่ต้นขา แต่หญิงสาวผู้นั้นจะปลอดภัยและหนีไปได้”
เมื่อถึงยามค่ำของวันถัดมาตามกำหนด ก็ได้เกิดเหตุการ์ดังทำนายไว้ทุกประการ ยังให้เป็นที่อัศจรรย์ของผู้คน จนวิชานี้ได้รับชื่อว่า “เหมยฮวาอี้ซู่” หรือวิชาแปลงเลขดอกเหมยนับแต่นั้น
สำหรับตัวอย่างของการทำนายนี้ จะเป็นตัวอย่างเพื่อการเรียนรู้และทำความเข้าใจในวิธีการทำนายของวิชานี้ด้วย ดังนี้
ตรีลักษณ์บนมาจาก ปี+เดือน+วัน คือปีมะโรง(5) + เดือน 12 + วันที่ 17 = 34 เอาผลลัพธ์หารด้วยแปดคือ 34/8 ได้เศษที่เหลือเป็น 2 คือเลขตรีลักษณ์ของตรีลักษณ์ตุ้ย หรือตรีลักษณ์ทะเลสาบ
ตรีลักษณ์ล่างมาจาก ปี+เดือน+วัน+เวลา คือปีมะโรง(5) + เดือน 12 + วันที่ 17 + ยามวอก(9) = 43 ผลหารแปด คือ 43/8 ได้เศษ 3 คือเลขตรีลักษณของตรีลักษณ์หลี หรือตรีลักษณ์ไฟ
ส่วนเส้นเคลื่อนไหว คือนำผลบวกของ ปี+เดือน+วัน+เวลา หารด้วย 6 ได้เป็น 43/6 เศษคือ 1 เส้น 1 หรือเส้นแรกซึ่งก็คือเส้นล่างสุด คือเส้นเคลื่อนไหว
***ปล. ผมจำไม่ได้ว่าเคยเขียนหรือยัง แต่การนับเส้นในอี้จิงจะนับจากเส้นล่างขึ้นบน
ดังนั้น เราจะได้รูปฉักลักษณ์ทั้งหมดดังนี้
ฉักลักษณ์ที่ได้จากการจับยามเวลา |
ก่อนจะเริ่มจุดนี้ ผมหวังว่าทุกท่านจะอ่านตอนก่อนๆจนเข้าใจดีแล้วนะครับ
จากรูปบน เราได้ฉักลักษณ์รูปแรกทางซ้ายสุดคือฉักลักษณ์ต้น ตรงกลางคือฉักลักษณ์เชื่อม สุดท้ายข้างขวาคือฉักลักษณ์เปลี่ยน
ในฉักลักษณ์ต้นแบ่งเป็นตรีลักษณบนคือตรีลักษณ์เจ้าการ ซึ่งก็คือตัวประธานของเรื่องนั่นเอง ส่วนตรีลักษณล่างคือตรีลักษณ์เหตุทายหรือส่วนของกรรม หรือสิ่งที่เกิด
ก่อนอื่นจะทายเหตุการให้ดูฉักลักษณ์ต้นเสียก่อนว่ามีความสัมพันธ์ระหว่างตรีลักษณเหตุทาย กับตรีลักษณ์เจ้าการอย่างไร
ในที่นี้ ตรีลักษณ์เจ้าการคือตัวประธานเป็นธาตุทอง ส่วนตรีลักษณ์เหตุทายคือกรรมเป็นธาตุไฟ ความสัมพันธ์ที่ได้คือ ธาตุไฟข่มธาตุทอง ในที่นี้คือ ตรีลักษณ์เหตุทายหรือตัวกรรมคือเหตุการณ์ เป็นตัวทำร้ายตัวตรีลักษณ์เจ้าการ หรือตัวประธานนั่นเอง
ตรีลักษณ์เจ้าการคือตรีลักษณ์ตุ้ย มีความหมายกว้างมากในธรรมชาติคือทะเลสาบ แต่ความหมายหนึ่งนั้นเมื่อหมายถึงคนมันหมายถึงหญิงสาว
ตรีลักษณ์เหตุทายคือตรีลักษณ์หลี ในธรรมชาติคือไฟ หรือหมายถึงสิ่งที่ยั่วยวน สิ่งที่สวยงาม และมันยังหมายถึงดอกไม้ได้ด้วย
เมื่ออยู่ในสวนดอกเหมย ดอกเหมยย่อมเป็นเหมือนคำไข ดังนั้นตรีลักษณ์หลีย่อมหมายถึงดอกเหมย เมื่อดูฉักลักษณ์ต้นแล้ว ย่อมมีหญิงสาวเกิดเหตุร้ายหรือได้รับบาดเจ็บเพราะดอกเหมยนั่นเอง ดังนั้นย่อมหมายความว่า เด็กหญิงถูกดอกไม้ทำให้หลงเข้ามาขโมยเด็ด จนเกิดเหตุร้ายทำให้บาดเจ็บขึ้น
จากนั้นมาดูฉักลักษณ์เชื่อมเพื่อดูเหตุการณ์ต่อเนื่อง ในฉักลักษณ์เชื่อมประกอบด้วยตรีลักษณ์บนเป็นตรีลักษณ์เฉียนธาตุทอง ซึ่งได้ข่มตรีลักษณ์ล่างคือตรีลักษณ์ซวิ่นธาตุไม้ ตรีลักษณ์ซวิ่นนั้นเมื่อหมายถึงอวัยวะของร่างกายหมายถึงต้นขา ดังนั้นหมายความว่าต้นขาถูกข่มทำร้ายได้รับบาดเจ็บ
สุดท้าย มาดูฉักลักษณ์เปลี่ยนซึ่งได้ตรีลักษณ์เกิ้นธาตุดิน ซึ่งหมายความว่าเหตุการณ์จากเดิมคือตรีลักษณ์หลีธาตุไฟซึ่งข่มตรีลักษณ์เจ้าการนั้น ได้เกิดการเปลี่ยนแปลงเป็นตรีลักษณ์เกิ้นธาตุดิน ซึ่งดินส่งเสริมธาตุทองของตรีลักษณ์เจ้าการ ดังนี้หมายความว่าตรีลักษณ์เจ้าการคือตัวประธานของเหตุการณ์นั้นได้รับตรีลักษณ์ที่เปลี่ยนแปลงมาช่วยเหลือ ดังนั้นจึงทายได้ว่าแม้จะเกิดบาดเจ็บขึ้น แต่สุดท้ายก็ปลอดภัยและหนีไปได้
ยามเวลาที่ท่านเส้นคังเจี๋ยทำนายนั้นคือยามเซิน 15.00-17.00 น. หรือยามเย็น ซึ่งมีเหตุผลสองประการ หนึ่งคือยามเวลาที่ท่านเส้าประสบพบกับลางบอกเหตุเองนั้นคือยามเซินหรือยามเย็น อีกประการคือตามคุณสมบัติแล้วยามเซินคือธาตุทอง ธาตุทองของเวลาจะเป็นตัวสัมพันธ์กับธาตุทองของตรีลักษณ์เจ้าการ หมายความว่ายามเวลาที่จะเกิดเหตุต้องเป็นยามเวลาธาตุทองคือช่วงเย็น ซึ่งในเวลาที่ทำนายอยู่นั้นถึงเวลาธาตุทองแล้ว ดังนั้นจึงทำนายว่าเป็นยามเวลาธาตุทองของวันถัดไป ดังนั้นจึงทายว่าเหตุการจะเกิดในยามเย็นของวันพรุ่งนี้…
ดังนั้นสรุปคือ ตรีลักษณ์เจ้าการหมายถึงหญิงสาวถูกตรีลักษณ์เหตุทายข่มทำร้าย และฉักลักษณ์เชื่อมมีตรีลักษณ์ซวิ่นหมายถึงต้นขาถูกทำร้ายบาดเจ็บ แต่เมื่อเปลี่ยนตรีลักษณ์แล้วพบว่ากลับมีการส่งเสริมดังนั้นแม้เกิดเหตุแต่ก็รอด ปลอดภัยได้
ซึ่งสุดท้ายเรื่องนี้เกิดขึ้นจริงๆจนเป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวางถึงความแม่นยำของวิชาทำนายนี้
สำหรับคุณสมบัติและความหมายโดยสังเขปของตรีลักษณ์แต่ละตัวและยามเวลานั้น คงต้องขอเรียบเรียงเขียนไว้ในคราวหน้า เพื่อประกอบการศึกษาวิชานี้ให้ลึกซึ้งขึ้น หากท่านอ่านบทนี้แล้วงงก็อย่าเพิ่งตกใจครับเนื่องจากบทนี้เป็นเพียงยก ตัวอย่างให้เห็นรูปแบบเบื้องต้นเท่านั้น แน่นอนว่ารายละเอียดต่างๆมีอีกมาถึงขนาดว่าต้องเขียนกันเป็นปีๆทีเดียว ส่วนการทำนายนั้นก็ไม่ใช่มีเพียงการจับยามเวลา แต่มีอยู่มากมายตามแต่เหตุการณ์ที่เราเอามาเป็นเหตุในการทาย ซึ่งก็คงต้องค่อยๆเรียบเรียงให้อ่านกันในโอกาสต่อไปครับ