การตั้งฉักลักษณ์แบบหลังสวรรค์ ตอน “การตั้งฉักลักษณ์ด้วยทิศทาง”
- 18/10/2016
- Posted by: Liang
- Category: อี้จิงดอกเหมย

หลังจากที่เราได้แนะนำวิธีการตั้งฉักลักษณ์แบบหลังสวรรค์ไปแล้ว ก็คงถึงเวลามาดูวิธีต่างๆที่นิยมใช้กันในการตั้งฉักลักษณ์แบบหลังสวรรค์กันละครับ ซึ่งมีหลายวิธีมากที่สามารถตั้งฉักลักษณ์แบบหลังสวรรค์ได้ครับ ไม่ว่าจะใช้ลักษณะคน ลักษณะของสัตว์ ทิศทาง สีของเสื้อผ้าหรือสิ่งที่เห็น การขยับของอวัยวะของผู้ที่ถาม ฯลฯ
แต่ในครั้งนี้ผมขอเริ่มด้วยวิธีที่นิยมใช้มากที่สุดวิธีหนึ่ง พร้อมกับตัวอย่างการทำนายจริงของ อ.เส้าคังเจี๋ยไปด้วยเลย นั่นก็คือการใช้ทิศทางมาตั้งฉักลักษณ์นั่นเองครับ
สำหรับการตั้งฉักลักษณ์แบบหลังสวรรค์นั้นจะต้องอ้างอิงความหมายของตรีลักษณ์โดยเทียบกับแผนภูมิแบบหลังสวรรค์ของกษัตริย์โจวเหวินหวังครับ ดังนั้นเราจึงได้ทิศทางทั้งแปดสัมพันธ์กับตรีลักษณ์ดังรูปครับ
![]() |
ความสัมพันธ์ของทิศทางและตรีลักษณ์ในแผนภูมิหลังสวรรค์ |
สำหรับวิธีการตั้งฉักลักษณ์ด้วยทิศทางนั้นมีขั้นตอนดังนี้ครับ
- เมื่อเห็นผู้คน สัตว์ หรือสิ่งเคลื่อนไหวใด(ต้องเป็นสิ่งที่มีการเคลื่อนไหวเท่านั้น) ซึ่งเป็นเหตุของลางสังหรณ์ ก็ให้นำสิ่งนั้นมาแทนความหมายด้วยฉักลักษณ์ เช่นเห็นชายชราสูงอายุก็แทนด้วยตรีลักษณ์เฉียน หากเป็นหญิงชราสูงอายุก็แทนด้วยตรีลักษณ์คุน เป็นต้น และนำเอาตรีลักษณ์ที่ได้นี้มาตั้งเป็นตรีลักษณ์บน
- นำทิศทางที่เห็นผู้คน สัตว์ หรือสิ่งเคลื่อนไหวนั้นมาแทนด้วยตรีลักษณ์และตั้งเป็นตรีลักษณ์ล่าง
- นำเลขตรีลักษณ์บนบวกกับเลขตรีลักษณ์ล่างบวกกับเลขยามเวลา ณ ขณะเกิดเหตุ จากนั้นเอาเลขรวมมาหารด้วยหก เศษที่ได้คือเลขบอกเส้นเคลื่อนไหว
- จากนั้นหาฉักลักษณ์เชื่อมและฉักลักษณ์เปลี่ยนตามปกติ
เอาล่ะครับ สำหรับวิธีนั้น ผมขอยกตัวอย่างมาเป็นกรณีศึกษาเลยนะครับ
มีอยู่วันหนึ่งอาจารย์เส้าคังเจี๋ยเดินอยู่ระหว่างทาง ก็ได้มองเห็นชายชราคนหนึ่งเดินมาจากทิศตะวันออกเฉียงใต้ ท่านเส้ามองเห็นแล้วสีหน้าของชายชราแล้วรู้สึกสังหรณ์ใจแปลกๆ จึงได้เดินเข้าไปถามอีกฝ่ายว่ามีอะไรหรือเปล่า เหตุใดจึงมีสีหน้าเหมือนกลุ้มใจเช่นนั้น ชายชราตอบมาว่าไม่มีอะไร ท่านเส้ายิ่งแปลกใจเกินระงับจึงได้ทดลองทำการทำนายดู
ชายสูงอายุตามความหมายก็คือตรีลักษณ์เฉียน-ฟ้า จึงใช้ตรีลักษณ์เฉียนเป็นตรีลักษณ์บน ส่วนทิศทางที่ชายชราเดินมาคือทิศตะวันออกเฉียงใต้ซึ่งก็คือตรีลักษณ์ ซวิ่น-ลม จึงใช้ตรีลักษณ์ซวิ่นเป็นตรีลักษณ์ล่าง ซึ่งบนเฉียนล่างซวิ่นก็คือฉักลักษณ์ “เผชิญ” ในโจวอี้ ส่วนเวลาในขณะนั้นคือยาวเวลาหม่าว –เถาะ หรือก็คือยาม 4 ตรีลักษณ์บนเฉียนคือเลข 1 ตรีลักษณ์ล่างซวิ่นคือเลข 5 เมื่อรวมกัน 4+1+5 = 10 นำมาหารด้วย 6 เหลือเศษ 4 จึงได้เส้นที่ 4 เป็นเส้นเคลื่อนไหว จากนั้นจึงทำการตั้งฉักลักษณ์ทั้งหมดได้ผลดังนี้
![]() |
ตัวอย่างการทำนาย “สีหน้าอัปมงคล” |
ซึ่งรายละเอียดผมไม่ใส่ในรูปมากนะครับ คิดว่าทุกท่านจะเข้าใจหมดแล้ว ถ้ายังไม่เข้าใจก็คงต้องกลับไปอ่านรายละเอียดจากบทความก่อนๆครับ
เอาล่ะครับ โดยวิธีหลังสวรรค์นั้นการตั้งฉักลักษณ์ในลักษณะนี้ดูจะไม่ได้มีสมมติฐานอะไรเลย เป็นเพียงแต่การเห็นเหตุการณ์แล้วก็ทำนายเลย จึงต้องมีการเปิดคัมภีร์โจวอี้เพื่อดูความหมายของเส้นเคลื่อนไหวในฉักกะลักษณ์ต้นก่อนครับ โดยฉักลักษณ์ที่ได้คือฉักลักษณ์ที่ 44 “เผชิญ ซึ่งในเส้นที่ 4 นั้น มีความหมายว่า “ไม่มีปลาอยู่ในข้อง ผลร้าย” ซึ่งตรงนี้ท่านเส้าจึงได้ตั้งสมมติฐานขึ้นมาก่อนว่าจะเกิดเรื่องร้ายอัปมงคลแก่ชายชรา จากนั้นจึงทำการวิเคราะห์ความสัมพันธ์ของตรีลักษณ์ตามหลักวิธีของอี้จิงดอกเหมยครับ
ฉักลักษณ์ตั้นนั้นมีตรีลักษณ์บนเป็นเฉียน – ธาตุทอง เป็นตรีลักษณ์เหตุทาย มีตรีลักษณ์ล่างเป็นซวิ่น – ไม้ เป็นตรีลักษณ์เจ้าการ ซึ่งเหตุทายข่มเจ้าการ แสดงว่าเรื่องย่อมไม่ดี จากนั้นในฉักลักษณ์เชื่อมต่างล้วนเป็นเฉียน – ธาตุทอง ทั้งสิ้น ซึ่งต่างก็มาข่มตรีลักษณ์เจ้าการจึงถือว่าเป็นเรื่องอันร้ายแรงถึงชีวิต แม้ว่าตรีลักษณ์เปลี่ยนจะเปลี่ยนเป็นซวิ่น – ไม้ แต่เมื่อพิจารณาร่วมกับความหมายเส้นและพลังชีวิตของชายชราผู้หนึ่งแล้วดูจะไม่สามารถแก้ไขสถานะการณ์ใดๆได้ จึงทำนายออกมาว่าชายชราจะถึงฆาต
จากนั้นท่านเส้าใช้ตัวเลขรวมของเวลาและเลขตรีลักษณ์ในฉักลักษณ์ต้นซึ่ง รวมกันได้ 10 มาหาวันที่จะเกิดเหตุ ซึ่งตามหลักแล้วควรจะทำนายว่าจะเกิดเหตุใน 10 วัน แต่เนื่องจากว่ายามที่ท่านเส้าพบกับชายชรานั้นเกิดขึ้นในระหว่างที่เดินอยู่ ซึ่งมีความหมายว่าเวลาจะเร็วขึ้น ท่านจึงเอาเลข 10 มาหารด้วย 2 เท่ากับ 5 (ถ้านั่งอยู่ให้บวกเวลาเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว ถ้ายืนอยู่ให้เอาเวลาตามเลขที่ได้ ถ้าเดินหรือเคลื่อนไหวอยู่ให้ลดเลขลงครึ่งหนึ่ง จะได้เวลาเกิดเหตุ) ท่านจึงทำการทำนายและบอกแก่ชายชราไว้ว่า
“ภายใน 5 วัน น่ากลัวว่าท่านจะเกิดเหตุอัปมงคลอันถึงฆาตแก่ชีวิต ขอให้ระวังให้มาก โดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวข้องกับปลา”
หลังจากนั้น 5 วัน ชายชราได้ไปร่วมงานแต่งงาน และในงานเลี้ยงนั้นได้รับประทานปลา ก้างปลาติดคอทำให้ชายชราผู้อ่อนแอเสียชีวิต
จากตัวอย่างข้างต้นเราจะเห็นว่า วิธีแบบหลังสวรรค์นั้นจะใช้ความหมายของตรีลักษณ์มาตั้ง และค่อยเอาตัวเลขมากำหนดเวลา ส่วนวิธีแบบก่อนสวรรค์นั้นจะใช้ตัวเลขมาตั้งแล้วกำหนดเวลาเกิดเหตุด้วยความหมายตามธาตุของตรีลักษณ์ ซึ่งเป็นวิธีที่ตรงข้ามกัน
สำหรับวิธีการทำนายแบบหลังสวรรค์นั้น พึงทราบว่าไม่สามารถใช้ได้พร่ำเพรื่อทั่วไป สำหรับเหตุการณ์อันเกิดเป็นปกตินั้นถือว่าไม่มีเหตุให้ทาย นอกเสียจากเกิดเหตุอันผิดปกติ หรือฝันเห็นเหตุการณ์อันผิดปกติ หรือเมื่อเห็นสิ่งใดแล้วเกิดสังหรณ์ใจอย่างรุนแรงผิดปกติจึงทำนาย ซึ่งความผิดปกตินี่เองเป็นลางบอกเหตุอย่างหนึ่ง ยามที่เราพบเหตุการณ์อันเหมือนลางบอกเหตุแต่ไม่เข้าใจความหมาย ก็สามารถใช้วิธีทำนายแบบหลังสวรรค์นี้หาคำตอบได้….