ดังที่ได้เคยกล่าวไปบ้างแล้วว่าการตั้งฉักลักษณ์เพื่อทำนายในวิชาอี้จิงดอกเหมยนั้นมีอยู่สองวิธี คือวิธีแบบก่อนสวรรค์(ก่อนฟ้า)และวิธีแบบหลังสวรรค์(หลังฟ้า) โดยวิธีแบบก่อนสวรรค์นั้นก็คือวิธีแบบตัวเลข นำตัวเลขมาหาเลขตรีลักษณ์และมาขึ้นฉักลักษณ์ซึ่งเราได้แนะนำไปบ้างแล้วดังการใช้ตัวเลขยามเวลามาตั้งฉักลักษณ์ ซึ่งครั้งนี้ผมจะขออธิบายการตั้งฉักลักษณ์แบบหลังสวรรค์กันบ้างนะครับ
วิธีแบบหลังสวรรค์นั้นจะแตกต่างออกไปเล็กน้อย คืออ้างอิงตามความหมายของตรีลักษณ์ไม่ใช่ตัวเลข ซึ่งความหมายของตรีลักษณ์นั้นจะได้ค่อยๆทะยอยลงให้อ่านกันครับ
เนื่องจากวิธีเชิงตัวเลขนั้นคือการอ้างอิงเลขตรีลักษณ์ตามแบบแผนภูมิก่อนสวรรค์ ซึ่งเป็นกระบวนการสมัยก่อนมีคัมภีร์โจวอี้เสียอีก จึงเรียกว่าวิธีแบบก่อนสวรรค์ ส่วนวิธีแบบหลังสวรรค์นั้นถือเอาความหมายในเชิงรูปลักษณ์ของตรีลักษณ์ นอกจากนี้ยังต้องมีการอ้างอิงความหมายเส้นจากคัมภีร์โจวอี้ด้วย ซึ่งถือว่าเป็นกระบวนการอันอ้างตามหลังจากที่มีคัมภีร์โจวอี้แล้ว และความหมายของตรีลักษณ์ที่ใช้นั้นก็จะเป็นการอ้างอิงจากแผนภูมิอัฏฐลักษณ์แบบหลังสวรรค์ ดังนั้นจึงเรียกว่าวิธีแบบหลังสวรรค์
แผนภูมิอัฏฐลักษณ์หลังสวรรค์ |
จริงๆแล้วฉักลักษณ์ที่ตั้งขึ้นมานั้นจะเหมือนวิธีแบบก่อนสวรรค์ทุกประการครับ เพียงแต่ฉักลักษณ์ต้นนั้นจะใช้รูปลักษณ์ของตรีลักษณ์มาตั้งเท่านั้น ซึ่งการได้ฉักลักษณ์ออกมานั้นจะได้ฉักลักษณ์ต้น ฉักลักษณ์เชื่อม ฉักลักษณ์เปลี่ยนเช่นเดียวกัน และวิธีทำนายนั้นเหมือนกันทุกประการ เพียงแต่วิธีการหาเวลาเกิดเหตุจะใช้เลขตรีลักษณ์มาทำนาย และมีการนำความหมายของเส้นเคลื่อนไหวในฉักลักษณ์จากคัมภีร์โจวอี้มาอ้างอิงในการทำนายด้วยเท่านั้นครับ
ดังนั้นผมขอสรุปขั้นตอนการทำนายด้วยวิธีแบบหลังสวรรค์ให้อ่านกันดังนี้นะครับ (อย่าลืมนำไปเปรียบเทียบกับวิธีแบบก่อนสวรรค์ด้วยนะครับ)
- นำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่ต้องการนำมาทำนาย มาหาความหมายแปลงเป็นตรีลักษณ์โดยเทียบกับแผนภูมิอัฏฐลักษณ์แบบหลังสวรรค์ เช่นชายชรา หรือผู้ใหญ่ หรือหัวหน้า หรือบิดาเป็นตรีลักษณ์เฉียน หญิงชรา มารดา เป็นตรีลักษณ์คุน หญิงสาวเป็นตรีลักษณ์ตุ้ย เป็นต้น
- นำตรีลักษณ์ที่ได้มาสองตรีลักษณ์มารวมกันเป็นฉักลักษณ์ต้น จากนั้นนำเลขตรีลักษณ์บนล่างทั้งสองมาบวกกันแล้วบวกด้วยเลขยามเวลาแล้วหารด้วยหก เหลือเศษเป็นเลขของเส้นเคลื่อนไหว (เลขตรีลักษณ์ได้มาจากแผนภูมิอัฏฐลักษณ์แบบก่อนสวรรค์เหมือนปกติครับ)
- หาฉักลักษณ์เชื่อม และฉักลักษณ์เปลี่ยน ตามวิธีเช่นเดียวกับการทำนายแบบก่อนสวรรค์ (อ่านรายละเอียดจาก หน้านี้ครับ)
- ในการทำนายจะมีการนำตำแหน่งเส้นเคลื่อนไหวไปเปิดหาความหมายในคัมภีร์โจวอี้ประกอบด้วย จากนั้นก็ใช้ความหมายที่ได้นี้เป็นแนวทางในการทำนาย
- กำหนดระยะเวลาเกิดเหตุ โดยนำเอาเลขตรีลักษณ์บนล่างมาบวกกัน แล้วเทียบความเร็วของเวลากับอิริยาบทของผู้ทำนาย หากในเวลานั้นผู้ทำนายยืนอยู่เฉยๆ ให้กำหนดเวลาตามเลขที่ได้เลย หากผู้ทำนายนั่งหรือนอนอยู่ คือเป็นอิริยาบทที่หยุดนิ่งกว่าปกติให้เอาเลขที่ได้นั้นเพิ่มอีกเท่าตัว(คูณสอง)เป็นระยะเวลาเกิดเหตุ หากในเวลานั้นผู้ทำนายอยู่ในอิริยาบทเคลื่อนไหวเช่นเดินอยู่ แสดงว่าเวลาเกิดเหตุจะมาไวขึ้น ให้เอาเลขที่ได้มาลดลงครึ่งหนึ่ง(หารสอง)เป็นเลขระยะเวลาเกิดเหตุ
**ข้อสังเกตุ การทำนายแบบก่อนสวรรค์นั้นจะใช้ตัวเลขมาหาตรีลักษณ์แล้วตั้งฉักลักษณ์ จากนั้นทำนายแล้วกำหนดระยะเวลาเกิดเหตุด้วยรูปลักษณ์ของตรีลักษณ์ แต่แบบหลังสวรรค์นั้นจะใช้รูปลักษณ์ความหมายของตรีลักษณ์มาตั้งฉักลักษณ์ จากนั้นทำนายและกำหนดระยะเวลาเกิดเหตุด้วยตัวเลขตรีลักษณ์**
สำหรับวิธีการทำนายแบบหลังสวรรค์นั้น พึงทราบว่าไม่สามารถใช้ได้พร่ำเพรื่อทั่วไป สำหรับเหตุการณ์อันเกิดเป็นปกตินั้นถือว่าไม่มีเหตุให้ทาย นอกเสียจากเกิดเหตุอันผิดปกติ หรือฝันเห็นเหตุการณ์อันผิดปกติ หรือเมื่อเห็นสิ่งใดแล้วเกิดสังหรณ์ใจอย่างรุนแรงผิดปกติจึงทำนาย ซึ่งความผิดปกตินี่เองเป็นลางบอกเหตุอย่างหนึ่ง ยามที่เราพบเหตุการณ์อันเหมือนลางบอกเหตุแต่ไม่เข้าใจความหมาย ก็สามารถใช้วิธีทำนายแบบหลังสวรรค์นี้หาคำตอบได้ครับ….