ครั้งนี้เรามาดูรายละเอียดเรื่องระบบกาลของจีนเพิ่มเติมกันให้ละเอียดขึ้นนะครับ สำหรับใครที่ยังไม่ได้อ่านตอนที่ 1 ขอให้กลับไปอ่านก่อนนะครับ ที่ ระบบกาลของจีน ตอนที่ 1
จากครั้งก่อนที่ได้แนะนำให้รู้จักระบบ “ต้นฟ้า-กิ่งดิน” กันไปแล้วเบื้องต้น มาครั้งนี้เราก็มาดูระบบนี้เพิ่มเติมร่วมกับระบบปฏิทินจีนกันสักหน่อยนะครับ
การใช้ระบบ “ต้นฟ้า-กิ่งดิน” นี้ในการนับวันเวลานั้น ก็ไม่ทราบว่ามีมาแต่เมื่อใด บางตำนานก็ว่าจักพรรดิ์หวงตี้ ปฐมกษัตริย์ได้เป็นผู้มีดำริให้สร้างขึ้น แต่ตำนานจีนพวกนี้ส่วนใหญ่เชื่อถือไม่ได้นัก แต่เอาเป็นว่ามันมีมานานหลายพันปีจนสืบรู้ที่มาไม่ได้แล้วนั่นแหละครับ
ก่อนอื่นผมขอแนะนำระบบการนับ วัน เดือน ปี เวลา ซึ่งเกิดจากการรวมกันของ “ต้นฟ้า-กิ่งดิน” ก่อนนะครับ โดยที่ชาวจีนจะใช้การจับคู่ของหนึ่งต้นฟ้ากับหนึ่งกิ่งดินเข้าด้วยกัน โดยเขียนให้ต้นฟ้าอยู่ก่อน ซึ่งเริ่มนับจาก 甲子 เอก-ชวด(เจี๋ยจื่อ หรือแต้จิ๋ว กะจื๊อ) ก่อน จากนั้นก็ไล่ไปตามลำดับ แต่เนื่องจากต้นฟ้ามีแค่ 10 ลำดับ แต่กิ่งดินมีถึง 12 ลำดับ ดังนั้นทำให้การจับคู่นั้นไม่ใช่แบบพบกันหมด แต่จับเป็นลำดับไปเรื่อยๆจนเวียนกลับมาที่ลำดับแรกคือ 甲子 เอก-ชวด อีกครั้งเท่านั้น และได้ลำดับออกมาทั้งหมด 60 ลำดับครับ ดังภาพข้างล่างครับ(ขอไม่แปลไทยนะครับ กรุณาดูตัวอักษรจีนและคำแปลไทยเทียบจากบทความตอนที่1 ครับ)
60 คู่ลำดับต้นฟ้า-กิ่งดิน (เจี๋ยจื่อ 甲子) |
**สีของตัวอักษร คือสีของธาตุตามระบบห้าธาตุนะครับ
จากรูปบน จะพบว่าลำดับคู่นั้นจะมีทั้งสิ้น 60 ลำดับ นี่ถือเป็นหนึ่งรอบ ดังนั้นชาวจีนจึงถือว่า 60 ปี คือหนึ่งรอบใหญ่ ใครอายุถึง 60 ขวบปีแล้วจึงมักจะมีการจัดงานแซยิดฉลองกันใหญ่โต(แต่เป็นแนวคิดของจีนแบบไทยๆนะครับ) ถือว่าคนที่เข้าอายุ 60 ปี จะเป็นผู้ใหญ่อวุโสที่ผ่านโลกมาครบรอบ ซึ่งรอบที่ว่านี้จะเรียกว่า “甲子 เจี๋ยจื่อ” ตามชื่อของคู่ลำดับแรกนั่นเอง
เอาล่ะครับ มาดูในแต่ละแถวของรูปบน เราจะพบว่าจะมีคู่ต้นฟ้า-กิ่งดิน ทั้งสิ้น 10 ลำดับ(เนื่องจากกิ่งดินจับคู่กับต้นฟ้าที่มีแค่ 10 ลำดับ) ซึ่ง 10 ลำดับนี้ชาวจีนจะเรียกว่า 旬 หรือ สวิ๋น หรือแปลว่ารอบสิบ โดยในแต่ละรอบจะเรียกชื่อตามลำดับแรก เช่นรอบที่ขึ้นต้นด้วย 甲子 ก็จะเรียกว่า 甲子旬 เจี๋ยจื่อสวิ๋น(ซึ่งผมจะแปลเรียกแบบไทยว่า รอบสิบเอก-ชวด) ซึ่งรอบอื่นๆก็จะใช้วิธีเรียกแบบนี้เหมือนกันครับ
หากเราดูที่สดมภ์ จะเห็นว่าแต่ละสดมภ์จะมีความเป็น หยิน-หยาง ด้วยครับ โดยสดมภ์แรกจะเป็นหยาง เนื่องจากว่าการจับคู่นั้นเกิดจากต้นฟ้าหยางจับกับกิ่งดินหยาง สดมภ์ที่สองจะเป็นหยิน เนื่องจากต้นฟ้าหยินจับคู่กับกิ่งดินหยิน และสลับหยิน-หยางไปเรื่อยๆในสดมภ์ต่อๆไปครับ ที่เป็นเช่นนี้ เนื่องจากว่าต้นฟ้าหยางจะจับคู่กับกิ่งดินหยางเท่านั้น และต้นฟ้าหยินจะจับคู่กับกิ่งดินหยิืนเท่านั้น ไม่มีการจับสลับกันนั่นเองครับ
เอาล่ะครับ ชาวจีนจะใช้วิธีจับคู่ต้นฟ้ากิ่งดินแบบนี้เองในการนับกาล ทั้ง ปี เดือน วัน จนกระทั่งระดับของยามเวลาก็ใช้แบบนี้เช่นกันครับ ซึ่งจะมีวิธีการตั้งลำดับเพื่อใส่เข้าไปในระบบปฏิทินจีนอย่างละเอียดครับ ซึ่งจะกล่าวในภายหลัง ส่วนพวกวิชาพยากรณ์ก็ต้องแล้วแต่ว่าวิชาไหนใช้การนับละเอียดขนาดไหน บางวิชาก็ต้องใช้คู่แบบนี้ทั้งหมดแม้แต่กับยามเวลา แต่บางวิชาก็ใช้แค่กิ่งดินเท่านั้น ซึ่งก็ว่ากันไปตามวิชาครับ
ทีนี้ เรามาดูระบบปฏิทินจีนกันสักเล็กน้อยครับ ซึ่งก็คือระบบการจัดตั้งปฏิทินจีนทั่วไป หรือก็คือปฏิทินจันทรคติแบบจีน โดยในตอนนี้ ผมขอยังไม่เอาระบบต้นฟ้า-กิ่งดิน เข้ามาจับลำดับนับนะครับ
ปฏิทินจันทรคติแบบจีนนั้น ก็คือปฏิทินที่ใช้การนับค่ำ หรือนับการขึ้นลงของพระจันทร์นั่นเองครับ โดยของไทยจะมี 15 ค่ำ เป็นข้างขึ้นข้างแรม แต่ของจีนจะรับรวมเป็นวันที่ไปเลย คือมี 30 ค่ำ หรือ 30 วัน ดังนั้นขึ้น 1 ค่ำ ของไทยก็คือวันที่ 1 ของจีน นั่นเองครับ ขึ้น 15 ค่ำ คือวันที่ 15 พอถึงแรม 1 ค่ำ ก็เป็นวันที่ 16 แล้วก็นับไปเรื่อยๆจนถึง แรม 15 ค่ำ ก็จะเป็นวันที่ 30 ของจีนครับ พอเข้าใจมั้ยครับ?
***แต่ทั้งนี้ ข้อมูลนี้คือชี้ให้เห็นภาพคร่าวๆนะครับ ถ้าจะให้ละเอียดก็เปิดปฏิทินดีกว่าครับ บางเดือนของจีนก็มีแค่ถึงวันที่ 29 (แรม 14 ค่ำ) เท่านั้นนะครับ ทำให้วันมันเลื่อนได้เหมือนกัน ของไทยเองบางเดือนก็ไม่มี 15 ค่ำ ถ้านับกันอย่างละเอียดมันก็จะเป็นไปตามแต่ละระบบไปนะครับ ดังนั้นทั้งหมดนี้จึงเป็นแค่แนวทางคร่าวๆครับ
ส่วนเดือนจีน ก็จะเปลี่ยนเดือนที่ขึ้น 1 ค่ำ หรือวันที่ 1 ครับ โดยเดือนแรกจะเรียกว่า 正月 เจิ้งเยวี่ย หรือแปลแบบไทยก็เรียกว่าเดือนอ้ายจีน พอถึงวันที่ 30 เดือนอ้ายก็หมดเดือน ต่อไปก็เป็น 二月 หรือเดือนยี่ ไปเรื่อยๆจนถึงเดือนสิบสองครับ แล้วก็กลับมานับเดือนอ้ายใหม่อีกรอบ ทั้งหมดมี 12 เดือน เหมือนที่เราคุ้นเคยครับ
เอาล่ะครับ ทีนี้ เราลองละเอียดขึ้นอีกขั้นครับ โดยเอาระบบต้นฟ้า – กิ่งดิน มารวมกับระบบปฏิทินอย่างคร่าวๆครับ…
อย่างแรก ผมอยากให้พิจารณาที่ กิ่งดิน ทั้ง 12 เป็นหลักก่อนครับ ส่วนต้นฟ้าก็จะมาจับของมันไปโดยที่เรายังไม่สนใจ คือกิ่งดินจะจับกับต้นฟ้าไหน ก็ขึ้นอยู่กับว่าอยู่ในรอบสิบรอบไหนครับ ซึ่งก็จะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ดังนั้นตอนนี้ผมจะกล่าวถึงแค่ส่วนของ กิ่งดิน ทั้ง 12 ก่อนนะครับ…
อย่างแรก คือปี ซึ่งเรารู้อยู่แล้วว่าระบบปีก็จะมีเรื่องของ 12 นักษัตรอยู่แล้ว นั่นก็คือเรื่องของปีกับระบบกิ่งดินนั่นเองครับ สามารถกลับไปดูในบทความตอนที่ 1 ได้เลยครับ แต่จะให้ละเอียด ก็ต้องไปดูปฏิทินจีนนะครับว่า วันที่เริ่มปีนักษัตรของปีนั้นๆตรงกับวันที่เท่าไหร่ อันนี้คือคร่าวๆนะครับ
ต่อมาคือเดือน แน่นอนนะครับว่าคร่าวๆอีกเช่นกัน ปกติเดือนอ้ายจีน จะประมาณตรงกับเดือน 寅 หยิน หรือเดือนขาลครับ(ถ้างงกลับไปดูบทความตอนที่ 1 ครับ) แต่ว่าช่วงเริ่มเดือน 寅 หยิน จะไม่ได้ตรงกับวันที่ 1 หรือ 1 ค่ำ เด๊ะๆนะครับ แต่เป็นประมาณเอาว่าส่วนใหญ่เดือนอ้ายจะเป็นเดือน 寅 หยิน ครับ และเดือนต่อๆไปก็นับต่อไปเรื่อยๆครับ
ต่อมาคือเรื่องของวัน อันนี้ผมว่าไปเปิดปฏิทินเถอะครับ เพราะมันละเอียดแล้ว ประมาณไม่ได้ด้วย ไม่เหมือนเดือนหรือปีที่มันมีระยะเวลากว้างกว่า
เอาล่ะครับ ในส่วนของปีนั้นน่าจะไม่มีปัญหา เอาว่าปีไหนนักษัตรไหนก็จะมีกิ่งดินตามนั้นไป แต่เริ่มนักษัตรใหม่วันไหนก็ให้ดูปฏิทินจีนหรือนับจากวันตรุษจีนเอาครับ ส่วนต้นฟ้าจะเป็นตัวไหนมาจับก็ขึ้นกับว่าอยู่ในรอบสิบรอบไหนแล้วล่ะ ดังนั้นก็ไม่น่ามีปัญา แต่เดือนเนื่องจากเราไม่ได้นับระบบนักษัตร ดังนั้นอาจจะงง ผมเลยทำตารางสรุปคร่าวๆให้นะครับ
ความสัมพันธ์ของกิ่งดินกับเดือน |
แน่นอนนะครับว่า ต้นฟ้าที่มาจับกับกิ่งดินในแต่ละเดือน ก็จะเปลี่ยนไปเรื่อยๆเช่นกันครับ ซึ่งก็คงต้องพึ่งปฏิทินเอา แต่แบบคร่าวๆก็ตามตารางบนครับ ย้ำว่าคร่าวๆนะครับ
ทั้งหมดนี้ ก็เชื่อว่าพอเป็นประโยชน์บ้างนะครับ อย่างผมเองไม่ใช่โหรหรือซินแส ปกติก็ไม่ได้มานั่งนับวันเวลาหาฤกษ์ยามอะไร ผมก็จำไม่ได้เหมือนกันครับ ถ้าต้องนับเดือนผมก็ใช้วิธีคร่าวๆนี่แหละครับ
แน่นอนครับว่า โดยละเอียดนั้น จะมีรายละเอียดเยอะแยะหลากหลายมากครับ ยังมีเรื่องของสารทต่างๆ วิธีการตั้งต้นฟ้า-กิ่งดิน จากระดับปีมาจนถึงเดือน วัน และเวลา แต่อย่างไรก็ตามเราก็คงไม่ใช้ถึงขนาดนั้นหรอกครับ แต่ถ้าหากผมเห็นว่ายังควรมีเนื้อหาส่วนใดที่ควรรู้ อาจจะด้วยจำเป็นต้องใช้กับศาสตร์วิชาใดที่จะเขียนต่อไป ก็จะเพิ่มเติมเรื่องนี้ให้ในตอนต่อๆไปครับ
แต่อย่างไรก็ตามครับ ย้ำอีกครั้งว่าทั้งหมดที่เขียนมานั้น เป็นอะไรที่คร่าวๆทั้งหมดเลยนะครับ ไม่มีอะไรที่เป๊ะซักอันครับ